Thai News - June 4, 2025

กรมอุตุฯ เปิดรายชื่อพื้นที่สีเหลือง เจอฝนตกหนัก

ประกาศเตือนฉบับประชาชน: กรมอุตุฯ ชี้ทั่วไทยยังมีฝนฟ้าคะนองต่อเนื่อง เตือนภาคเหนือ-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก รับมือฝนตกหนัก-คลื่นลมแรง

วันที่ 4 มิถุนายน 2568 – กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศพยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า โดยระบุว่าอิทธิพลของปัจจัยทางภูมิอากาศหลายอย่างจะส่งผลให้ประเทศไทยโดยรวมยังคงเผชิญกับสภาวะฝนฟ้าคะนองอย่างต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักกระจุกตัวในบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณเสี่ยงภัย โปรดใช้ความระมัดระวังอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจนำไปสู่สภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อสภาพอากาศของประเทศไทยในระยะนี้ มาจาก:

  1. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้: กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นลมที่นำพาความชื้นปริมาณมากจากทะเลเข้ามาสู่แผ่นดิน ทำให้เกิดเมฆและฝน
  2. หย่อมความกดอากาศต่ำ: มีการก่อตัวและปกคลุมอยู่บริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยเสริมกำลังของมรสุมและดึงดูดความชื้น ทำให้แนวโน้มการเกิดฝนมีมากขึ้น

สำหรับสถานการณ์คลื่นลมในทะเล:

  • ทะเลอันดามัน: มีกำลังปานกลาง โดยเฉพาะทะเลอันดามันตอนบนตั้งแต่จังหวัดพังงาขึ้นไป มีคลื่นสูงโดยเฉลี่ยประมาณ 2 เมตร แต่ในบริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง คลื่นจะมีความสูงมากกว่า 2 เมตร ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อการเดินเรือ
  • อ่าวไทย: มีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร แต่ในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นอาจสูงมากกว่า 2 เมตรเช่นกัน

กรมอุตุนิยมวิทยาจึงขอแจ้งเตือนไปยังพี่น้องชาวเรือและผู้ประกอบการทางทะเล ทั้งในฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย ให้เดินเรือด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ และควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือเข้าใกล้บริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน


พยากรณ์อากาศรายภาคอย่างละเอียด (ตั้งแต่เวลา 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้)

• ภาคเหนือ: ยังคงเป็นภาคที่มีโอกาสเกิดฝนฟ้าคะนองมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 60 ของพื้นที่ และต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักเป็นพิเศษในบางแห่ง ครอบคลุมพื้นที่จังหวัด แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, เชียงราย, กำแพงเพชร, สุโขทัย, ตาก และพิษณุโลก สภาพอากาศโดยทั่วไปตอนกลางวันอาจจะยังร้อนอบอ้าว แต่ก็มีโอกาสเจอฝนได้ตลอดวัน อุณหภูมิต่ำสุดคาดว่าจะอยู่ที่ 23-25 องศาเซลเซียส และสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้ามาด้วยความเร็ว 5-15 กม./ชม.

• ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน): ปริมาณฝนจะลดลงเล็กน้อย โดยมีโอกาสเกิดฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ แต่ยังคงมีรายงานฝนตกหนักในบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัด มุกดาหาร, ยโสธร, ร้อยเอ็ด, อำนาจเจริญ, สุรินทร์, ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ขอให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวเตรียมพร้อมรับมือ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส สูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้มีความเร็ว 10-20 กม./ชม.

• ภาคกลาง: คาดว่าจะมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ โดยกลุ่มฝนจะตกเป็นส่วนมากในบริเวณจังหวัด อุทัยธานี, สระบุรี, พระนครศรีอยุธยา, กาญจนบุรี และราชบุรี สำหรับพื้นที่อื่นๆ อาจมีฝนตกประปราย อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส และสูงสุด 34-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

• ภาคตะวันออก: เป็นอีกหนึ่งภาคที่ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนัก โดยมีโอกาสเกิดฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ กลุ่มฝนจะครอบคลุมในหลายจังหวัด ได้แก่ นครนายก, ปราจีนบุรี, สระแก้ว, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี และตราด ซึ่งเป็นพื้นที่รับลมมรสุมโดยตรง อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส สูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ค่อนข้างแรง ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่งผลให้ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร แต่ในพื้นที่ฝนตกหนักคลื่นจะสูงกว่า 2 เมตร

• ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก หรือฝั่งอ่าวไทย): มีโอกาสเกิดฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ กลุ่มฝนส่วนใหญ่จะตกในบริเวณจังหวัด เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส สูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้มีความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร และสูงกว่า 2 เมตรบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

• ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก หรือฝั่งอันดามัน): เป็นพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังทั้งฝนตกหนักและคลื่นลมแรง มีโอกาสเกิดฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักในบางแห่ง โดยเฉพาะที่ ระนอง, พังงา และภูเก็ต * ตั้งแต่จังหวัดพังงาขึ้นไป: ลมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรง ด้วยความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทำให้ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และสูงกว่า 2 เมตรในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง * ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตลงมา: ลมตะวันตกเฉียงใต้มีความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และสูงกว่า 2 เมตรในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

• กรุงเทพมหานครและปริมณฑล: คนกรุงและปริมณฑลยังต้องพกร่มติดตัว มีโอกาสเกิดฝนฟ้าคะนองถึงร้อยละ 60 ของพื้นที่ และอาจมีฝนตกหนักได้ในบางเขต ทำให้ต้องระวังปัญหาการจราจรที่อาจติดขัดจากน้ำท่วมขังรอการระบาย อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส และสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมรับมือกับสภาพอากาศที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *